เรื่องย่อละคร ปางเสน่หา
บทประพันธ์. น้ำดอกไม้
โทรทัศน์ ภาวิต


ร.ต.อ. เตชิตได้วางแผนล่อซื้อยาเสพติดจากนาย เจียง พ่อค้ายาคนสำคัญ กลางดึกคืนวันหนึ่ง นายเจียงไหวตัวทัน ยิงต่อสู้ ขณะนั้นเอง พอล หรือ เพชร เข้ามาช่วยเจียงและเกือบจะพาหนีได้สำเร็จ แต่พอดีลูกน้องเตชิตนำกำลังมาช่วยทัน พอลจึงต้องหนีไป ส่วนเจียงถูกจับ เตชิตเห็นพอลไม่ชัด แต่รู้สึกคลับคล้ายกับส่วนสูง และท่าทางที่ค่อนข้างคุ้นตา เตชิตรายงานเรื่องการจับกุมครั้งนี้ให้ผู้กำกับ เสนา ฟัง แต่แล้วก็รู้สึกมึนงงเหมือนถูกทุบหัว เพราะผู้กำกับสั่งให้ปล่อยนายเจียง แถมยังให้เตชิตถอนตัวจากคดีนี้โดยเด็ดขาด เตชิตพยายามจะโต้แย้งซึ่งผู้กำกับไม่ฟัง เตชิตผิดหวังมากที่ต้องปล่อยพ่อค้ายาเสพติดคนสำคัญไป เขาขับรถเตลิดไปด้วยอารมณ์ จุดหมายปลายทางที่นึกออกคือไร่สุขศรีตรังอันเป็นรีสอร์ทของ ศรีตรัง เพื่อนสนิทของเขา ทั้งสองเคยฝันอยากเป็นตำรวจตั้งแต่วัยรุ่น เตชิตสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ ส่วนศรีตรังมุ่งมั่นเรียนกฎหมายจนจนปริญญาตรีแล้วสอบเข้าเป็นตำรวจ แต่ศรีตรังก็ต้องทิ้งความฝันไป เพราะต้องมารับมรดกดูแลรีสอร์ทและไร่ข้าวโพดแทนพ่อแม่ซึ่งประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตโดยไม่คาดฝัน
หลังจากมาถึงรีสอร์ทและทักทายกันฉันท์เพื่อนรักเพื่อนเกลอแล้ว ศรีตรังได้ให้ ป้าจุรี แม่บ้านของรีสอร์ทพาไปพักบ้านหลังท้ายสุดที่อยู่บนเนิน เมื่อเห็นทิวทัศน์สวยงามสุดสายตาเตชิตถูกใจบ้านหลังนี้มาก เขาอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ เพราะป้าจุรีมีอาการลุกลี้ลุกลน และขอตัวกลับทันทีที่พามาถึง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อเข้ามาในบ้านด้วยสัญชาตญาณตำรวจทำให้เตชิตรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่คนเดียว จึงสำรวจจนทั่ว เมื่อไม่พบอะไรจึงเข้าอาบน้ำ และขณะที่อาบน้ำอยู่นั้นเขาได้ยิน เสียงหวาน ฮัมเพลง ครั้งแรกเตชิตคิดว่าตัวเองหูฝาดจึงปิดน้ำ คราวนี้ชัดเลย เตชิตจึงนุ่งผ้าขาวม้าออกไปและเมื่อเข้าไปในห้องนอน ก็รู้ที่มาของเสียง เตชิตเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ที่กระเป๋าเสื้อผ้าของเขาพลางฮัมเพลง เตชิตจึงตวาดไปด้วยนึกว่าเธอเป็นขโมย หญิงสาวสะดุ้งเฮือกหันกลับมา พอเห็นเตชิตนุ่งผ้าขาวม้าก็ปิดตาร้องลั่น ทั้งสองปะทะคารมกันด้วยต่างฝ่ายต่างคิดว่าอีกฝ่ายเป็นขโมย ต่างคนต่างอ้างว่ามาอยู่รีสอร์ทหลังนี้ก่อน จนในที่สุดเตชิตตรงเข้าคว้าข้อมือเสียงหวานให้ไปถามศรีตรังด้วยกันว่าใครมาอยู่ก่อนกันแน่ แต่แล้วเตชิตซึ่งไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางนางไม้เลยกลับขนลุกซู่ตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อมือเขาคว้าความว่างเปล่า เขาถึงกับร้องลั่นว่า “ผีหลอก” หญิงสาวคนนั้นก็กรีดร้องด้วยความตกใจ เพราะเธอก็กลัวผีเหมือนกัน เตชิตวิ่งหนี เธอก็วิ่งหนีตามด้วย จนเตชิตต้องแผ่เมตตาให้เธอไปผุดไปเกิด เสียงหวานไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นผี จนเตชิตต้องหนีไปนอนบ้าน ลุงสม คนงานในไร่

รุ่งเช้า เตชิตรวบรวมความกล้ากลับเข้ามาในบ้านและพบกับเสียงหวาน คราวนี้เขาพยายามรวบรวมสมาธิให้แน่วแน่…เขาพบกับเสียงหวานอีก ทั้งคู่เถียงกันอีก จนในที่สุดเสียงหวานก็พบว่าตัวเองเป็น “ผี” จริงๆ เธอร้องไห้เสียใจ จนเตชิตใจอ่อน (ถึงแม้จะยังกลัวอยู่) เขาถามว่าเธอเป็นใคร มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่เสียงหวานจำไม่ได้เลย
ส่วนศรีตรังเช้าวันนี้ก็ต้องออกไปจ่ายของเข้าบ้าน เธอไปที่ห้างสรรพสินค้า เธอได้พบกับพอลซึ่งเธอจำได้ว่าคือพี่เพชร ซึ่งเป็นรุ่นพี่และเป็นรักแรกรักเดียวของเธอ แต่มีอันให้ต้องจากกันไป ศรีตรังเข้า มาทัก แต่กลับพบแต่ความเย็นชา พอลบอกว่าเขาไม่เคยรู้จักเธอ เธอคงจำคนผิด ทำให้ศรีตรังงงมาก และแล้วก็หายงง เมื่อมีหญิงสาวสวยเดินมาหาพอลและชวนเขากลับ ศรีตรังเข้าใจว่าพอลแกล้งไม่รู้จักเธอเพราะผู้หญิงคนนั้น จึงเกิดการพูดจากวนกัน ศรีตรังขับรถออกไป และชนกับรถพอล แต่เธอก็ยอมจ่ายค่าซ่อมให้ และพาไปซ่อมในร้านที่ดีที่สุด ทำให้ทั้งสองต้องพบกันและขัดแย้งกันต่อไปอีก เมื่อศรีตรังหัวเสียกลับมาบ้าน เตชิตได้รออยู่แล้ว เธอเล่าให้เตชิตฟังอย่างเจ็บใจ และเตชิตก็เล่าเรื่องวิญญาณหญิงสาวลึกลับให้ศรีตรังฟัง ศรีตรังไม่เชื่อแต่ป้าจุรียอมรับว่าตัวเองก็เคยเห็นหญิงสาวคนนี้เช่นกัน ทั้งสามคนตกลงกันว่าจะไม่ให้เรื่อง “ผี” ครั้งนี้แพร่งพรายออกไป และปรึกษากันว่าจะพยายามสืบหาตัวตนของหญิงสาวคนนี้ให้ได้พร้อมทั้งหาสาเหตุที่วิญญาณของเธอต้องมาติดอยู่ที่รีสอร์ทหลังนี้ ป้าจุรีบอกว่าผู้หญิงคนนี้จะอยู่แต่ที่บ้านบนเนินไม่ไปไหน ชอบยืนอยู่ที่หน้าต่างหน้าบ้านเหมือนรอใครสักคน นางผ่านบ้านนั้นเมื่อไหร่ก็จะเห็นว่าเธออยู่อย่างนั้นทุกวัน จุรีบอกว่านางได้แต่แอบมองเพราะกลัว ระหว่างที่คุยกันนั้น อ้อยใจ ลูกสาวบุญธรรมของจุรีมาแอบฟังอย่างสนใจเป็นพิเศษ
จุรีรับอ้อยใจมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก รักและเลี้ยงอย่างดีราวกับเป็นลูกสาวตัวเอง อ้อยใจเป็นสาวเร็วกว่าอายุ มีแฟนตั้งแต่ปีแรกที่เป็นนางสาว มาทำงานที่ไร่นี้ก็ควงหนุ่มในไร่ไม่ซ้ำหน้า จุรีอ่อนใจกับความประพฤติของลูกสาวเต็มทีแต่ก็ห้ามไม่ได้ มีเพียงไม่กี่เดือนนี้ที่อ้อยใจคบกับ ศักดิ์สิทธิ์ ลูกชายของ พงษ์เทพ ผู้จัดการไร่โดยที่ยังไม่เปลี่ยนใจ คืนนั้นอ้อยใจถามป้าจุรีเรื่องผีสาวจนรู้เรื่องจนได้ เธอรีบบอกแฟนหนุ่มทันทีที่พบกัน ศักดิ์สิทธิ์สั่งห้ามเธอทำเรื่องยุ่งเด็ดขาด แต่อ้อยใจไม่เชื่อเขา เธอจะไปหาเตชิต เพื่อนของศรีตรังเพื่อถามเรื่องนี้ให้ได้ เธอจะไม่ปล่อยให้ผีสาวตนนี้ตามหลอกหลอน รังควานเธอได้แน่นอน
ศรีตรังหวาดกลัวเสียงหวานแต่ก็ยอมช่วยเตชิตสืบหาความเป็นมาของตัวเธอ โดยไม่รู้ว่า สาวเสียงหวานตามเตชิตไปด้วยทุกแห่ง เจ้าตัวเองก็แปลกใจเพราะก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถออกไปไหนได้ ติดอยู่ที่บ้านนั้นราวกับถูกพันธนาการไว้ แต่เมื่อพบเตชิต นอกจากการที่เขาเป็นคนพิเศษที่สามารถมองเห็นเธอ พูดคุยกันได้แล้ว เพียงคิดว่าจะไปกับเขา เธอก็สามารถออกจากบ้านนั้นและตามเขาไปได้ทุกแห่ง เสียงหวานดีใจที่เธอไม่ต้องเหงาอีกต่อไป ศรีตรังกับเตชิตไปที่สถานีตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่นั้น ดูแฟ้มคดีคนหายในห้วงเวลาสองปี ที่มีบุคลิกลักษณะใกล้เคียงกับเสียงหวาน คนที่น่าสนใจคือ เกษรา หลานสาวคนสวยของยายภา คนงานในไร่ ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ชาวบ้านนินทาว่าเธอคงจะหนีตามผู้ชายไป แต่ยายภาไม่เชื่อ นางรู้จักหลานสาวของเธอดี ว่าเป็นคนเรียบร้อย ไม่ใช่สาวประเภท”ไวไฟ” เหมือนวัยรุ่นทั่วไป
ศรีตรังรู้จักเกษรา เธอเล่าให้เตชิตฟังว่า เกษรา เป็นแฟนกับตรีทศ ผู้จัดการโรงงานแปรรูปข้าวโพด ทั้งสองคนรักกันมาก เมื่อเกษราหายไป ตรีทศเองก็เสียใจ ที่ร้ายกว่านั้นคือเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรกว่าเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเธอ ตำรวจสอบปากคำเขาหลายครั้งกว่าจะเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ ศรีตรังพาเตชิตไปคุยกับตรีทศ เสียงหวานที่ตามไปด้วยมองตรีทศเหมือนคนที่ไม่รู้จักกัน ศรีตรังกับเตชิตกลับไปแล้ว ตรีทศยังยืนคิดถึงเกษราอย่างเศร้ารันทดอีกนาน
ข่าวการตามหาตัวเกษราของเตชิตทำให้อ้อยใจร้อนใจจนทนไม่ไหว เธอกับศักดิ์สิทธิ์รู้ดีว่าเกษราอยู่ที่ไหน แต่มันต้องเป็นความลับตลอดไป เมื่อศักดิ์สิทธิ์ใจเย็น อ้อยใจตัดสินใจจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เธอมาแอบดูอยู่หน้าบ้านตรีทศเมื่อเห็นว่า ศรีตรังกับเตชิตกลับไปแล้ว อ้อยใจรอจนค่ำจึงเข้าไปพบตรีทศ เธอทำหน้าเศร้า ร้องไห้แล้วบอกเขาว่า เธอฝันถึงเกษราว่ามาขอร้องให้ช่วย ในฝันนั้นเกษราน่าสงสารมาก หญิงสาวบอกว่าถูกทำร้ายแล้วโดนฝังอยู่ท้ายไร่ ตรีทศใจหาย ความรักความผูกพันที่มีต่อกัน ทำให้เขาสั่งอ้อยใจให้พาเขาไปที่นั่นพร้อมกับนำพลั่วไปด้วย ถึงไม่ค่อยเชื่ออ้อยใจนักแต่การไปพิสูจน์ดูก็ไม่เสียหาย แล้วอาจจะทำให้เขาช่วยเกษราด้วย ในช่วงเวลาเดียวกันที่บ้านพักบนเนิน จู่ๆเสียงหวานก็ขอร้องให้เตชิตไปที่ท้ายไร่กับเธอ ชายหนุ่มยอมทำตาม เมื่อเดินไปได้สักระยะหนึ่งเตชิตสังเกตเห็นอ้อยใจกับตรีทศกำลังมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน พลั่วในมือเขาทำให้เตชิตสงสัยมาก เขาปล่อยให้ทั้งสองคนผ่านไปก่อน จึงตามไปดู อ้อยใจแกล้งชี้ให้ตรีทศขุดตรงนั้นตรงนี้ ก่อนจะชี้ให้เขาขุดอีกครั้งที่ข้างโรงบำบัดน้ำเสีย เตชิตโทรศัพท์บอกศรีตรังให้ตามมาและพาคนงานมาด้วย

ตรีทศขุดไปสักพักก็หยุด เขาทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า โครงกระดูกมนุษย์ขาวโพลนอยู่ก้นหลุม ศรีตรังมาทันเวลา เธอกับเตชิตจึงช่วยกันคุมตัว ตรีทศกับอ้อยใจส่งตำรวจ เสียงหวานตามดูอย่างสนใจ ถ้าเตชิตคิดถูกว่าเธอคือเกษราแล้วทำไมเธอจึงจำใครไม่ได้สักคน เวลาผ่านไปโครงกระดูกนั้นถูกขุดขึ้นมาตรวจพิสูจน์ว่าผู้ตายคือ เกษราจริงๆ อ้อยใจถูกสอบเค้นจนยอมสารภาพว่าเธอกับศักดิ์สิทธิ์ไม่พอใจที่ตรีทศรักกับเกษรา ทั้งที่จริงแล้วเกษราเคยคบกับศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ส่วนอ้อยใจก็เคยคบอยู่กับตรีทศ แล้วต่างก็เลิกรากันไป ตรีทศมีโอกาสได้พูดคุยกับเกษราบ่อยครั้ง จนในที่สุดก็รักกัน ขณะที่อ้อยใจเองก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับศักดิ์สิทธิ์ ตรีทศกับเกษราเป็นคู่รักที่น่ารักเหมาะสมกันมากจนศักดิ์สิทธิ์และอ้อยใจหมั่นไส้ เกลียดชัง ทั้งที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง กันแล้ว ทั้งสองคนวางแผนหลอกจับตัวเกษราไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์จะข่มขืนเธอแล้วอ้อยใจจะถ่ายคลิปส่งไปเยาะเย้ยตรีทศ ว่าผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวอย่างเกษรา ก็เป็น”เมีย”ของศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ทว่าเกษราไม่ยอมง่ายๆเธอสู้เพื่อป้องกันตัวจนสุดกำลัง จนทำให้ศักดิ์สิทธิ์กับอ้อยใจเจ็บตัวทั้งคู่ ศักดิ์สิทธิ์โกรธจนลืมตัวเขาทำร้ายเกษราแล้วบีบคอตายคามือ กลางดึกคืนนั้นทั้งสองคนจึงช่วยกันนำร่างของเกษราไปฝังไว้ข้างๆโรงบำบัดน้ำเสียของโรงงานแปรรูปข้าวโพด กลิ่นเหม็นบริเวณโรงบำบัดกลบกลิ่นเน่าของศพจนไม่มีใครสงสัย เมื่อตำรวจตามไปจับตัวศักดิ์สิทธิ์มา ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง ทว่าแหวนทองคำวงเล็กที่พบอยู่ก้นหลุมกลับเป็นหลักฐานมัดตัวเขา เมื่อพงษ์เทพพ่อของศักดิ์สิทธิ์เห็นแหวนก็บอกตำรวจว่าแหวนวงนั้นเป็นของภรรยาเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่จริงแหวนนั้นมีเป็นคู่เพราะเป็นแหวนแต่งงานอีกวงหนึ่งสวมติดนิ้วเขาอยู่ ส่วนของภรรยาเมื่อเธอเสียชีวิตแล้ว ลูกชายมาขอไปสวมเป็นแหวนก้อย แล้ววันหนึ่งก็มาบอกว่าหาย ศักดิ์สิทธิ์คอตกพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าแหวนวงนั้นจะหลุดตกลงไปในหลุมศพเกษราจนกลายมาเป็นหลักฐานมัดตัวเขาได้
ยายภานำโครงกระดูกเกษราไปบำเพ็ญกุศล ก่อนจะเผาตามประเพณี ในวันที่เผาศพเกษรานั้น เตชิตไม่ไปร่วมงานเขาอยากจะรอ”ส่ง”เสียงหวาน ให้เรียบร้อย เมื่อร่างถูกเผาวิญญาณก็ควรจะ “ไป” เช่นกัน บรรยากาศน่าจะดีเมื่อเรื่องเข้าที่เข้าทาง แต่เตชิตกับเสียงหวานกลับไม่มีความสุข เขาและเธอคุ้นชินที่จะมีกันและกันเสียแล้ว งานศพเสร็จไปหลายวันแล้วแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามที่เตชิตคิดผีสาวเสียงหวานยังคงอยู่กับเขาเหมือนเดิม ชายหนุ่มไปพบยายภาที่บ้านเขาอยากรู้ว่ามันติดขัดตรงไหน เสียงหวานตามไปด้วย เมื่อเตชิตเห็นรูปเกษราเขาก็ได้คำตอบ เพราะไม่เหมือนกันเลยสักนิด เสียงหวานไม่ใช่เกษรา ชายหนุ่มปรายตามองเสียงหวานดุๆเมื่อเธอพูดอย่างดีใจว่า เธอจำได้แล้ว ในวันที่เกิดเรื่อง เกษรานี่เองที่มาบอกให้เธอพาเตชิตไปที่ท้ายไร่ ออกจากบ้านยายภาแล้วชายหนุ่มจึงมีโอกาสถามเสียงหวานว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่วันนั้นว่ามีคนมาตามให้ไปที่นั่น เสียงหวานตอบเสียงเบาว่าเธอไม่รู้ว่าเกษราตายแล้ว เข้าใจว่าเป็นสาวคนงาน ถ้ารู้ว่าเป็นผีเธอไม่ยอมพูดด้วยแน่นอน เพราะเธอกลัวผีมาก เตชิตอดหัวเราะไม่ได้ ผีกลัวผีก็มีด้วย

ต่อมาเตชิตได้พยายามสืบหาเรื่องราวของเสียงหวานโดยเสียงหวานเองก็ตามเตชิตไปทุกหนทุกแห่ง ระหว่างนี้พอลก็พาตัวเข้ามาพัวพันใกล้ชิดกับศรีตรังเพราะลึกๆแล้วยังตัดใจไม่ได้ แต่พอพบกันทีไรก็ต้องเกิดปะทะคารมด้วยความเข้าใจผิดกันทุกที โดยพอลคิดว่าศรีตรังกับเตชิตเป็นคนรักกัน ส่วนศรีตรังก็เข้าใจว่าพอลเป็นคนร้าย…เป็นพวกค้ายาเสพติด เลือดตำรวจเก่าทำให้เธอพยายามสืบทุกอย่างเพื่อจะจับผิดเขาให้ได้ ซึ่งความจริงแล้วพอลคือตำรวจสากลที่ได้รับมอบหมายให้เข้าไปอยู่ในแก๊งค์ยาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งมี เดนิส เป็นหัวหน้า เพื่อหาหลักฐานเอาผิดให้ได้ ในที่สุดเตชิตก็รู้ความจริงว่าเสียงหวานคือ ปรายดาว น้องสาวของปรกเดือนซึ่งเป็นภรรยาของเดนิส หยาง หรือ เสี่ยสงคราม พ่อค้ายาเสพติดผู้มีอิทธิพลสูง เดนิสโหดเหี้ยมมากแต่เขาก็รักปรกเดือนมาก และพอลก็เข้ามาแฝงอยู่ในแก๊งค์นี้โดยเข้ามาสนิทกับปรายดาวนั่นเอง ปรายดาวประสบอุบัติเหตุขณะขับรถหนีออกจากบ้านเพราะรู้ว่า เดนิสได้ตกลงขายเธอให้กับหุ้นส่วนใหญ่ เธออยู่ในสภาพเจ้าหญิงนิทรา พอลเองก็มีความผูกพันกับ ปรายดาวและปรกเดือน เขาพยายามปกป้องทั้งสองคนพี่น้อง
ในระหว่างที่สืบเรื่องปรายดาว เตชิตก็สืบเรื่องเดนิสไปด้วย จนได้รู้ความจริงอีกอย่างว่า ผู้กำกับที่เขาเข้าใจผิดว่าเป็นคนร้ายนั้น ที่จริงได้วางแผนประสานกับตำรวจสากลที่ให้พอลเข้าไปแฝงตัวเข้าไปอยู่กับเดนิสเพื่อทลายแก๊งค์นี้ให้ได้ ที่เขาช่วยนายเจียงก็เพื่อให้เดนิสไว้ใจนั่นเอง และก็ทำได้สำเร็จ เดนิสพยายามหนี และจะพาปรกเดือน (ซึ่งกำลังท้องไปด้วย) แต่ปรกเดือนบอกว่าเขาจะต้องตายพร้อมเธอและลูก เดนิสพยายามแย่งปืนจากเธอ ปืนลั่นใส่เขาตาย ปรกเดือนจะยิงตัวตายตาม แต่เตชิต และศรีตรังมาช่วยไว้ทัน ศรีตรังได้รู้ความจริงว่าพี่เพชรหรือพอลไม่ใช่คนร้าย
เรื่องชุลมุนวุ่นวายเมื่อเตชิตมาเยี่ยมปรายดาว หญิงสาวยังหลับตาพริ้มบนเตียงแต่สีหน้าสดใสขึ้น ชายหนุ่มโน้มตัวลงกำลังจะขโมยจูบแก้มเจ้าหญิงนิทรา เขาผงะออกเมื่อปรายดาวลืมตาขึ้น เตชิตดีใจมากแต่เธอกลับร้องให้คนช่วย เขาพยายามเรียกเธอว่าเสียงหวานเพื่อเตือนความจำ ปรายดาวมองเขาอย่างหวาดกลัว เตชิตอยากจะบ้าเมื่อจู่ๆ พอลก็เปิดประตูเข้ามา เขาตรงเข้าไปกอดปรายดาวอย่างปลอบใจ เธอกอดเขาแน่นอย่างกลัวจริงๆ เตชิตจึงเดินออกจากห้องอย่างโกรธๆ เสียงหวานฟื้นขึ้นมาในร่างปรายดาวแต่จำเขาไม่ได้ ที่ร้ายกว่านั้นพอลเข้ามายุ่งเรื่องนี้อีกจนได้ ชายหนุ่มแค้นใจพูดไม่ออกเมื่อพอลตามมาบอกว่าปรายดาวเป็นคู่รักของเขา พอลขอให้เขาเลิกวุ่นวายกับเธอได้แล้ว
เตชิตขับรถออกจากโรงพยาบาลอย่างโกรธจัด แต่แล้วก็ต้องถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลอีกจนได้ เมื่อรถของเขาโดนรถบรรทุกขนาดใหญ่ชนอย่างแรง ศรีตรังตามมาเยี่ยมเพื่อน เธอบ่นพึมพำเรื่องที่เขาโชคร้าย เจ็บตัวบ่อยเหลือเกิน แต่เมื่อเตชิตเล่าเรื่องพอลและการทำงานของเขาให้ฟัง ศรีตรังดีใจที่พี่เพชรเป็นคนดี ความดีใจหายไปทันทีเมื่อเตชิตพูดต่อว่าพอลเป็นคู่รักของปรายดาว ชายหนุ่มสรุปให้เพื่อนสาวฟังสั้นๆว่า เสียงหวานก็คือวิญญาณของปรายดาว เขารักเสียงหวานหรือปรายดาวคนนี้ พอลหรือพี่เพชรไม่ควรจะมายุ่ง เพราะฉะนั้นศรีตรังต้องช่วยเขาวางแผน “ฟื้นความจำ” คนคู่นี้ให้ได้ พี่เพชรจะได้กลับมาหาน้องศรีตรัง และปรายดาวก็ควรจะอยู่กับเตชิต
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดคอยติดตามชม ปางเสน่หา ทางช่อง 7HD ที่นี่ที่เดียว
: ใช้เพื่อการโฆษณาและประชาสัมพันธ์

